วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ตะขบ


ตะขบ

ตะขบ
ภาพจาก http://www.baanmaha.com/

ชื่อพื้นเมืองอื่น
ครบฝรั่ง (สุราษฏร์ธานี)ตะขบ , ตะขบฝรั่ง(ภาคกลาง)
ชื่ออื่นๆ (Other Name) : มะเกว๋นควาย ครบ
ชื่อวงศ์
Flacourtiaceae

ชื่อวิทยาศาสตร์
Muntingla calabura L.
ชื่อสามัญ Calabura ,Jamalcan ,cherry ,jam tree

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ต้น ขนาดเล็ก (ExST) สูงประมาณ 5-7 เมตร เปลือกสีเทา กิ่งแผ่สาขาขนานกับพื้นดิน ตามกิ่งมีขนปกคลุม ขนนุ่ม และปลายเป็นตุ่ม ยอดอ่อนเมื่อจับดูรู้สึกเหนียวมือเล็กน้อย
ต้นตะขบ

ใบ เป็นใบเลี้ยงเดียว เรียงสลับแบบ ทแยงกัน ลักษณะใบรูปขอบขนานแกรมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบข้างหนึ่งมน ข้างหนึ่งแหลม ขอบใบหยัก มีขนปกคลุมหนาแน่ เส้นใบมี 3-5 เส้น ด้านบนสีเขียวด้านล่างสีนวล ก้านใบยาว มีขน โคนก้านเป็นปม ๆ

ดอก ดอกเดี่ยว ๆ หรือเป็นคู่ เหมือนง่ามใบ เวลาบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ก้านดอกยาว มีขน กลีบรองกลีบดอก 5 กลีบ ไม่ติดกัน สีเขียว รูปหอก ปลายแหลมเป็นหางยาว โคลนกลีบตัดด้านนอกมีขน ด้านในเกลี้ยง กลีบดอก 5 กลีบ สีขาว รูปไข่กลับป้อม ๆ ย่น เกลี้ยง

ผลตะขบ
ภาพจาก http://www.baanmaha.com/

ผล ลักษณะลูกทรงกลม ผิวบางเรียบ ขนาด 1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกมีสีแดง รสหวาน
ต้นตะขบ

เมล็ด มีลักษณะเล็ก ๆ จำนวนมาก

มี ถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ขึ้นทั่วไปตามพื้นที่ในเขตร้อน เกิดตามที่รกร้างว่างเปล่า หรือตามป่าโปร่งทั่วไป นิยมปลูกเป็นไม้ร่มเงาตามบ้านเรือน การปลูกและขยายพันธุ์

เป็นไม้กลางแจ้งที่ปลูกง่ายโตเร็ว เจริญเติบโตได้ดีในดินทั่ว ๆ ไปขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือต้นที่เกิดขึ้นใหม่



ประโยชน์ทางยา
รส และสรรพคุณในตำรายา
เปลือกต้น รสฝาด เป็นยาระบาย เพราะมีสารพวก Mucilage มากใบ รสฝาดเอียน ใช้ในการขับเหงื่อ ดอก รสฝาด แก้ปวดศีรษะ แก้หวัด ปวดเกร็งในทางเดินอาหาร ลดไข้ ต้มรวมกับสมุนไพรอื่น ๆ เอาน้ำดื่มเป็นยาขับระดู และแก้โรคตับอักเสบ ผล รสหวานเย็น มีกลิ่นหอมบำรุงกำลัง ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ ราก รสฝาด กล่อมเสมหะและอาจม

วิธีใช้และปริมาณที่ใช้
1. เป็นยาระบาย โดยใช้เปลือกต้นสด หรือแห้ง ประมาณ 1 ฝ่ามือสับเป็นชิ้นต้มในน้ำเดือด 1 ลิตร ประมาณ 15 นาที กรองเอาน้ำดื่ม ซึ่งในเปลือกจะมีสารพวก Mucilage มาก ซึ่งเป็นยาระบายที่ดี

2. แก้ปวดศีรษะ แก้หวัด ปวดเกร็งในระบบทางเดินอาหาร และลดไข้โดยใช้ดอกแห้ง 3-5 กรัม ชงเป็นน้ำชาดื่ม

ผลสุกจะมีรสหวานเย็น กลิ่นหอม รับประทานแล้วจะเป็นยาบำรุงกำลังทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ

ขอบคุณข้อมูลและภาพ:http://www.baanmaha.com/community/thread34708.html,http://thailand-an-field.blogspot.com/2010/07/blog-post_14.html

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สมุนไพรโทงเทง

สมุนไพรโทงเทง





ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Physalis angulata  L.

ชื่อสามัญ :   Hogweed, Ground Cherry

วงศ์ :   SOLANACEAE

ชื่ออื่น :  ต้อมต๊อก บาตอมต๊อก (เชียงใหม่)  ตะเงหลั่งเช้า (จีน)  ปุงปิง (ปัตตานี) ปิงเป้ง (หนองคาย)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นอวบน้ำเปลือกเกลี้ยงสีเขียว โคนสีม่วงแดงและสีค่อย ๆ จางลงเป็นสีเขียวใสเป็นเหลี่ยม ยอดเป็นสีเขียวอ่อน ลำต้นสูงประมาณ 25 - 50 เซนติเมตร สูงเต็มที่ 120 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขา ใบ เป็นใบเดี่ยวสีเขียวเรียงสลับออกตามข้อ ๆ ละใบ มีก้านยาว 2 - 3 เซนติเมตร ลักษณะใบคล้ายใบพริก รูปหอกป้าน ปลายแหลมและขอบใบเรียบ ใบกว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 4 - 7 เซนติเมตร มีเส้นแขนงใบ 5 - 7 คู่ ดอก ออกระหว่างก้านใบกับลำต้น ดอกเล็กคล้ายดอกพริก แต่กลีบดอกสั้นและแข็งกว่า ดอกตูมทรงรีปลายแหลม เวลาบานเป็นรูปแตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 - 2 เซนติเมตร กลีบดอกชั้นในมีสีเหลืองอ่อน กลีบดอกชั้นนอกหรือกลีบเลี้ยงมีสีเขียวอ่อน จำนวน 5 กลีบ ซึ่งจะเจริญเติบโตขยายตัวหุ้มผลภายในไว้หลวม ๆ ทำให้ดูเสมือนว่าผลพอง ออกดอกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เรื่อยไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ผล ผลโทงเทงมีกลีบดอกชั้นนอกหุ้มเหมือนโคมจีนสีเขียวอ่อนมีลายสีม่วง ผลภายในมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร ผลกลมใสมีสีเขียวอ่อน และเมื่อสุกกลายเป็นสีเหลือง เมล็ด ในผลมีเมล็ดขนาดเล็กมีจำนวนมาก รูปกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.2 - 0.3 มิลลิเมตร มีเมือกหุ้มคล้ายมะเขือเทศจำนวนมาก
ส่วนที่ใช้ :  ทั้งต้น ราก เยื่อหุ้มผลแห้ง

โทงเทงฝรั่ง

สรรพคุณ :

ทั้งต้น  - รักษาดีซ่าน ไอหืดเรื้อรัง แผลมีหนอง เจ็บคอ

ราก - ใช้ขับพยาธิ รักษาโรคเบาหวาน

วิธีและปริมาณที่ใช้

ยารักษาโรคหืด
ใช้ทั้งต้นแห้ง 1/2 กิโลกรัม ต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลกรวดลงไปให้หวาน รับประทานครั้งบะ 1/4 ถ้วยแก้ว วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเป็นเวลา 10 วัน หยุดยา 3 วัน รับประทานต่อไปอีก 10 วัน พักอีก 3 วัน แล้วรับประทานต่อไปอีก 10 วัน หอบหืดจะได้ผลดี
ข้อควรระวัง - ในการรับประทานสมุนไพรโทงเทงนี้ใน 1-5 วันแรก บางคนอาจมีอาการอึดอัด เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิด หลังจากนั้นอาหารเหล่านี้จะหายไปเอง

ยารักษาแผลในปาก เจ็บคอ
- ใช้เยื่อหุ้มผลแห้งที่เอาเมล็ดออกแล้วหนัก 10 กรัม เปลือกส้ม 6 กรัม ต้มกับน้ำผสมน้ำตาลกรวดพอหวานเล็กน้อย ใช้ดื่มต่างน้ำ
- ใช้ทั้งต้น ตำละลายกับสุรา เอาสำลีชุบน้ำยาอมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านลำคอทีละน้อย แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ (ต่อมทอนซิล) แก้ฝีในลำคอ (แซง้อ) หรือ ละลายกับน้ำส้มสายชูก็ได้ แก้ความอักเสบในลำคอได้ดีมาก
ใช้ภายใน แก้ร้อนในกระหายน้ำ ใช้ภายนอก แก้ฟกบวมอักเสบ ทำให้เย็น

ยาขับพยาธิ รักษาโรคเบาหวาน
ใช้รากต้มกับน้ำรับประทาน

      มีข้อมูลทางเภสัชวิทยาบอกว่า เมื่อนำโทงเทงทั้งต้นมาสกัดทำเป็นยาแก้ไอ ให้ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบจำนวน 36 คน รับประทาน พบว่า ผลการรักษาผู้ป่วยได้ผลดี  
       นอกจากนี้ ยังพบสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ในโทงเทง ซึ่งเป็นสารที่ลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ    
       จากคุณสมบัติที่มีสรรพคุณในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งนั้น จึงเป็นที่มาของการคิดค้นตำรับยารักษาโรคมะเร็งที่มีส่วนผสมของโทงเทงอยู่ในองค์ประกอบหลัก
 มีผลการวิจัยจากประเทศอินเดีย เมื่อ ค.ศ. 1973 ว่า สารสกัดจากสมุนไพรโทงเทง สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนที่ใช้ คือ ทั้งต้น ราก และเยื่อหุ้มผลแห้ง  
       ส่วนการวิจัยของสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า สารสกัดจากต้นโทงเทง มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ
     
       ข้อควรระวัง!
       • สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน
       • ในช่วง 1-5 วันแรก เมื่อรับประทานแล้วอาจมีอาการเวียนศีรษะ นอนไม่หลับ อึดอัด หงุดหงิด หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเอง
       • กลีบเลี้ยงของต้นโทงเทง มีสารพิษโซลานิน (Solanine) ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร เมื่อรับประทานแล้วหลายชั่วโมงจะปวดแสบปวดร้อนที่ปากและคอหอย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้อง และท้องร่วง อุณหภูมิร่างกายสูง เป็นต้น ถ้ายังไม่อาเจียนออก จะต้องล้างท้อง ให้น้ำเกลือ ระวังอาการไตวาย ให้ยาเคลือบกระเพาะอาหาร หรือถ้ามีอาการชักให้ใช้ยาแก้ชัก

ขอบคุณข้อมูลและภาพ:http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_27_2.htm
www.manager.co.th

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

ศัลยกรรม VS สวยธรรมชาติ คุณชอบแบบไหน

ศัลยกรรม VS สวยธรรมชาติ คุณชอบแบบไหน

        ใครจะของแท้แม่ให้มาแต่อ้อนแต่ออกหรือจะผ่านมีดหมอมาแล้ว ลองมาสังเกตจากรูปในอดีตของพวกเธอ เอาภาพมาให้สาวๆ ดูเปรียบเทียบถึงความเปลี่ยนแปลง ดาราบางคนก็ออกมายอมรับเลยว่า“หนูไป ศัลยกรรม มาจริงๆค่ะ” แต่สำหรับบางคนหน้าตาเปลี่ยนไปอาจจะเพราะดัดฟัน หรือโตเป็นสาวแล้วเลยผิวพรรณเปล่งปลั่งสวยเด้งขึ้นมา ลองมาดูละกันว่าของใครจะของแท้หรือของเทียม …

ดาร์ลิ่ง อารดา

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

มุกกี้

เต้ย จรินทร์พร

เป้ย-ปานวาด เหมมณี

เอมมี่ มรกต

แพท ณปภา

แอฟ ทักษอร

ไอซ์ อภิษฎา

ก้อย รัชวิน


ลูกตาล-อาริษา วิลล์

นุ่น วรนุช

มีน พิชญา

อั้ม พัชราภา

มด ณปภัช
ขอบคุณ:
http://women.mthai.com/scoop/17158.html

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กลูตาไธโอน: ต้านโรค ชะลอวัย

กลูตาไธโอน: ต้านโรค ชะลอวัย
รองศาสตราจารย์ ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
กลูตาไธโอน (Glutathione) นับเป็นสารมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ร่างกายคนเราสามารถผลิตขึ้นเองโดยธรรมชาติ มีคุณอนันต์ต่อสุขภาพ ผู้ที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว จะสามารถตรวจพบสารกลูตาไธโอนในร่างกายในปริมาณสูง ตรงกันข้ามกับคนป่วยและผู้ที่สุขภาพไม่ดี จะพบว่าปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายต่ำมาก


เรามาทำความรู้จักกับสารชนิดนี้ให้เข้าใจมากขึ้น ทำอย่างไรให้ร่างกายสร้างกลูตาไธโอนได้เองมากๆ ให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากจะช่วยชะลอวัยแล้ว ยังช่วยให้อายุยืนยาวอีกด้วย
สารกลูตาไธโอน คืออะไร

เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยกรดอมิโนที่สำคัญ 3 ชนิดรวมตัวกันอยู่ คือ ซิสเตอิน (Cystein) ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate)
เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายสามารถผลิตกลูตาไธโอนได้เอง และถูกผลิตมากที่สุดที่ตับ ปอด ไต ม้าม ตับอ่อน และเลนส์แก้วตา สารมหัศจรรย์นี้เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หน้าที่สำคัญ 4 ประการคือ
สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง
ทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่ผ่านเข้าในร่างกาย โดยจะจับสารพิษที่ไม่ละลายน้ำให้เปลี่ยนเป็นสารที่ละลายน้ำ และกำจัดออกทางไตหรือทางลำไส้ ดังนั้นตับและไตซึ่งเป็นอวัยวะที่มีของเสียและสารพิษสะสมมากที่สุด จึงพบ กลูตาไธโอนถูกผลิตออกมามากที่สุด เพื่อทำหน้าที่กำจัดของเสียนั่นเอง ในทำนองเดียวกัน ปอด ก็พบกลูตาไธโอนในปริมาณสูง เพื่อกำจัดของเสียจากที่คนเราหายใจเอาฝุ่นละอองและควันพิษเข้าไปที่ปอดนั่นเอง
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงที่สุด ผลิตขึ้นเองโดยทุกเซลล์ในร่างกายโดยธรรมชาติ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง ช่วยการไหลเวียนของระบบเลือด รักษาการทำงานของหัวใจและปอด ช่วยชะลออายุของเซลล์ทุกเซลล์ และชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกายและของอวัยะวะทุกส่วน
ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซม ‘เซลล์และดีเอนเอที่สึกหรอ นับเป็นกุญแจสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและไขมัน กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ

นักวิจัยพบว่า เนื้อสมอง ระบบเส้นประสาท เต้านม และต่อมลูกหมาก มีองค์ประกอบส่วนมากเป็นไขมัน ดังนั้นจึงมีแนวโน้มเป็นแหล่งสะสมของสารพิษหรือสารที่ไม่ละลายน้ำแต่ละลายสะสมในไขมัน นักวิจัยตั้งของสังเกตุว่า โอกาสการเกิดโรคความจำเสื่อม (Alzheimer) มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก พบเห็นมากขึ้นทั่วโลก เนื่องจากสารพิษจากสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่เป็นสารพิษที่ละลายสะสมในไขมันนั่นเอง
ออกซิเจนที่คนเราหายใจเข้าไปร่างกาย ประมาณ 2 % ของออกซิเจนที่หายใจเข้าไป จะถูกเปลี่ยน เป็นอนุมูลอิสระ หากอนุมูลอิสระนี้อยู่ในร่างกาย และไม่ถูกทำลาย จะส่งผลเสียอย่างมากต่อร่างกาย โดยอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะไปทำลายผนังเซลล์ และทำให้ดีเอนเอของเซลล์ชำรุดเสียหาย ผลคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะบกพร่อง อ่อนไหวต่อการเกิดโรคต่างๆ และแก่เร็ว
สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี การกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อากาศเป็นพิษ ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง รังสียูวี เครื่องดื่มแอลกอฮอล อาหารที่มีน้ำตาลสูง ควันบุหรี่ ยาเสพติด และ การบริโภคยารักษาโรคชนิดต่างๆมากเกินไป ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้ร่างกายเกิดภาวะสะสมอนุมูลอิสระมากๆ
เพื่อต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่สะสมจากปัจจัยต่างๆข้างต้น ร่างกายคนเราจะใช้สารต้านอนุมูลอิสระคือ ‘กลูตาไธโอน ที่ทุกเซลล์ผลิตขึ้นเองโดยธรรมชาติ ในการต่อต้านทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น หากมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมากและตลอดเวลา เซลล์ทุกเซลล์ต้องทำงานหนักเพื่อผลิตกลูตาไธโอน มาจับและล้างอนุมูลอิสระให้หมดไปหรือให้เหลือน้อยที่สุด
กลูตาไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ถูกสร้างและใช้มากที่สุดในร่างกาย นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสายตาของคนเรา ช่วยเปลี่ยนแป้งที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน และป้องกันการสะสมของไขมันซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ กลูตาไธโอนทำหน้าที่ปกป้องทุกเซลล์ของร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดน้อยลง หรือถูกผลิตขึ้นช้าลงและมีปริมาณน้อยลง คนเราเมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดลงเฉลี่ย 8-12% ต่อ 10 ปี แต่หากร่างกายมีการบริโภคยาหรือเคมีมากเกินไป ปริมาณการลดลงของกลูตาไธโอนในร่างกายจะรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็วก่อนวัย และโรคต่างๆเข้าแทรกแซงได้ง่าย
เอกสารอ้างอิง-The importance of glutathione in human disease. Biomed Pharmacother. 2003 May-Jun; 57(3-4):145-55.
-ขอบุคุณ: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ผลไม้มงคล เทศกาล ตรุษจีน กินแล้ว สุขภาพดี เฮงตลอดปี


เทศกาล ตรุษจีน ชาวไทยเชื้อสายจีนหลายคนคงกำลังเตรียมของไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งนอกจากอาหารคาว หวานแล้วนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือผลไม้ ที่เชื่อว่าเป็นสิริมงคลทั้ง 5 ชนิด (โหวงก้วย) ที่เชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่เสริมความเจริญรุ่งเรื่องให้กับชีวิต  นอกจากกินแล้วจะได้ความเป็นสิริมงคลแล้วยังได้สุขภาพดีตามมาอีกด้วย

ผลไม้มงคล เทศกาล ตรุษจีน


ผลไม้ตามความเชื่อในเทศกาลมงคล ตรุษจีน

1. ส้ม  เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ร่ำรวยเงินทอง สำหรับประโยชน์ของส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยลดความเครียดและปรับระดับความดันเลือด บำรุงระบบการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือด ร่างกายเรานั้นไม่สามารถที่จะสร้างวิตามินได้เอง ดังนั้นจึงต้องรับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป วิตามินซีจากอาหารช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ในผลส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยลดอัตราไขมันเลว (LDL) และเพิ่มอัตราไขมันดี (HDL) ซึ่งส่งผลต่อระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกายลดต่ำลง

2. องุ่นดำ เป็นสัญลักษณ์ของความเพิ่มพูน ความเจริญก้าวหน้าของหน้าที่การงาน สำหรับประโยชน์ขององุ่นดำ มีสารแอนไทไซยานิน โปรแอนไทไซยาดีนินและโพลีฟีนอล ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก และป้องกันความจำเสื่อม อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ทำให้รู้สึกอิ่มและให้แคลลอรี่ต่ำด้วย

3. สาลี่  เป็นสัญลักษณ์ของ ความมั่นคง การพบเจอโชคลาภและสิ่งดีๆ สำหรับประโยชน์ของสาลี่ ในสาลี่มีใยอาหารค่อนข้างดี เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานน้อย มีปริมาณของน้ำค่อนข้างมาก ในสาลี่มีสารต้านอนุมูลอิระ “โพลีฟีนอล” ที่ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้

4. กล้วยหอม เชื่อกันว่าจะทำให้มีลูกหลานมากมายสืบสกุล มีบริวารที่ดี กวักโชคกวักลาภเข้าบ้าน สำหรับประโยชน์ของกล้วยหอมนั้นอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและเกลือแร่ต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยลดความตึงเครียด ในกล้วยยังมีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทำให้สมองหลั่งสาร “เมลาโทนิน” และ “เซโรโทนิน” ซึ่งจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายอีกด้วย ส่วนสาวๆ คนไหนอยากมีผิวสวยกล้วยยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำรุงผิว เพราะในกล้วยนั้นยังมีสารแมกนีเซียมที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สาวๆ มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง ดูดีมีเลือดฝาด

5. แอปเปิ้ล  หมายถึง จะช่วยให้สุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ สำหรับประโยชน์ของ แอปเปิ้ลมีสารเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำมีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล โดยเฉพาะลดไขมันเลว (LDL) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตันในหลอดเลือด นอกจากนี้ในแอปเปิ้ลยังมีสารฟลาโวนอยด์ ที่ชื่อว่า เควอซิทิน (Quercetin) มีหน้าที่ในการปฎิบัติการล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

ผลไม้มงคล เทศกาล ตรุษจีน กินแล้ว สุขภาพดี                                เฮงตลอดปี


ทั้งนี้ผลไม้ทุกชนิดล้วนมีประโยชน์ที่แตกต่างกันหากเลือกรับประทานให้เหมาะสมตามฤดูกาล ก็ได้จะประโยชน์และสารอาหารที่พอดี ให้คุณประโยชน์กับร่างกาย และมีสุขภาพที่ดีตลอดปีอย่างแน่นอน

ขอบคุณ: http://women.mthai.com/health/204035.html